...คลิกที่รูป....บริการถ่ายภาพสุดประทับใจ prewedding รับปริญญา พิธีการต่าง แฟชั่น อีกมากมาย ติดต่อ : 0899274733 msn:tuchkay@hotmail.com

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

แถลง ข่าว "ประเพณีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ ปีที่ 70"


ททท.สำนัก งานกรุงเทพมหานคร ร่วมสืบสานตำนาน
เจ็ดทศวรรษแห่งตำนาน งามตระการคู่พระนคร
"ประเพณีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ ปีที่ 70"
ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานครร่วมกับประชาคมชาววิสุทธิกษัตริย์ จัดงานประเพณี
สงกรานต์ วิสุทธิกษัตริย์ ปีที่ 70 เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีดั้งเดิมของชาวววิสุทธิกษัตริย์
ระหว่าง วันที่ 10-11 เมษายน 2553 ณ สี่แยกวิสุทธิกษัตริย์ โรงแรมเดอม็อค
นายชัยสงค์ ชูฤทธิ์ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคกลางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

การจัดงานประเพณีสงกรานต์วิ สุทธิกษตริย์ ปีที่ 70 ครั้งนี้ ถือเป็นตำนานของชาววิสุทธิกษัตริย์
ที่ ได้จัดงานประเพณีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าว
ยังเป็นการน้อนรำลึกถึงสมเด็จพระเจ้าน้องเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์
และพระราชทานชื่อถนน นี้ว่า "ถนนวิสุทธิกษัตริย์" ที่เป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ อาทิ
วัดวา อารามม นักเขียน ศิลปิน รวมถึงขนมและอาหารขึ้นชื่อ ได้แก่ น้ำอ้อยฉัตรประไพร ข้าวต้มน้ำวุ้น

ชาม-ไอยวริญท์ โอสถานนท์ (มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2549)
นก-อุษณีย์ วัฒนะฐานะ (รองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2548)

งานประเพณีสงกรานต์วิ สุทธิกษัตริย์จึงเป็นประเพณีถือปฏิบัติกันมายาวนาน โดยถึงปีนี้ภายในงาน
จะ มีพิธีบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์
พิธีตักบาทพระภิกษุและสามเณร จำนวน 71 รูป ขบวนแห่และสาวงามผู้เข้าประกวดนางงามวิสุทธิกษัตริย์
ประจำปี 2553 ซึ่งเวทีวิสุทธิกษัตริย์แห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นเวทีปราบเซียน สาวงามที่ผ่านจากเวทีนี้
ส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จเพราะเวทีนี้เป็นก้าว แรกที่นำไปสู่เวทีนางสาวไทยหรือการเป็นดารา
นักแสดง เช่น คุณสรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ที่เป็นเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ ประจำปี พ.ศ.2538
ต่อ มาในปี พ.ศ.2540 เธอยังคว้าตำแหน่งนางสาวไทยมาครองได้สำเร็จเช่นกัน
นอกจากนี้กิจกรรมภายในงานยังมีการแสดงต่างๆ ของโรงเรียนและศูนย์เยาวชนในเขตพระนคร
การแสดงโขนชุด "เจ็ดทศวรรษแห่งตำนาน งามตระการคู่พระนคร" การประกวดหนูน้อยสงกรานต์วิสุทธิกษัตรย์
และในบริเวณงานยังมีการจัดสาธิต ภูมิปัญญาไทยโดยศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนเขตพระนคร
ทั้งนี้จึงขอเชิญชวน ประชาชนทุกท่านเข้าร่วมงานประเพณีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์
ระหว่างวัน ที่ 10-11 เมษายน 2553 เพื่อสืบสานประเพณวัฒนธรรมที่งดงามให้คงอยู่สืบไปอย่ายั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

งานประเพณี ขึ้นเขาพนมรุ้ง มหัศจรรย์พนมรุ้ง 2553




จังหวัดบุรีรัมย์ร่วมกับการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กำหนด จัดงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง "มหัศจรรย์พนมรุ้ง" ประจำปี 2553
ระหว่าง วันที่ 6 มีนาคม - 4 เมษายน 2553
ณ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

นางสาวบุ ณยานุช วรรณยิ่ง ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นปราสาทหินเก่าแก่ศิลปะขอมโบราณ
ที่รังสรรค์จาก ภูมิปัญญา อันแยบยลของคนโบราณ แสดงให้เห็นถึงความมีอัจฉริยะในการสร้างปราสาทหิน

โดยอาศัยพื้นฐาน ตามความเป็นไปที่สอดคล้องกับธรรมชาติ และเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะเทพเจ้าสูงสุดในศาสนา ฮินดู
ลัทธิไศวนิกาย ตั้งอยู่บนเขาพนมรุ้งซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ศาสนสถานแห่งนี้เป็นเครื่องหมายของศูนย์กลางแห่งจักรวาล
บริเวณปราสาท คือเขาพระสุเมร ซึ่งถือว่าเป็นสวรรค์ มองลงไปแผ่นดินเบื้องล่างคือโลกมนุษย์ และบริเวณทะเลเมืองต่ำกับหนองบัวราย
เปรียบเสมือนมหาสมุทรซึ่งเป็นโลก บาดาล

นอกจากนั้นถ้ามองไปสุดขอบฟ้าจะเห็นเทือกเขาพนมดงรักเปรียบ เสมือนกำแพง แก้ว ซึ่งอยู่สุดขอบของจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
จึง มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์ "สุริยาxxxส่อง 15 ช่องประตู" โดยสามารถชมพระอาทิตย์ตก
ในวันที่ 5-6-7 มีนาคม 2553 เวลา 17.17 น. และชมพระอาทิตย์ขึ้น ในวันที่ 2-3-4 เมษายน 2553 เวลา 06.03 น.

จังหวัด บุรีรัมย์จึงกำหนดจัดงาน "มหัศจรรย์พนมรุ้ง" ขึ้นระหว่างวันที่ 6 มีนาคม - 4 เมษายน 2553 ณ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ พิธีบวงสรวงพนมรุ้ง/การสาธิตการวาดภาพ(เฉพาะวันที่ 6 มีนาคม 2553),
การ ประกวดวาดภาพ การประกวดรำอัปสรา รับประทานอาหารเย็นแบบโฮปบายดินเนอร์และชมการแสดงแสง สี เสียง
"มหัศจรรย์ พนมรุ้ง" (วันที่ 2-3 เมษายน 2553), การแข่งขันจักรยานเสือภูเขา(วันที่ 20 มีนาคม 2553),
การแข่งขันรถยนต์แรลลี่ กรุงเทพฯ - บุรีรัมย์(วันที่ 2 เมษายน 2553), ร่วมย้อนยุคกับตลาดนัดโบราณ
และสินค้า OTOP ที่จัดทุกเสาร์-อาทิตย์ตลอดเดือนมีนาคม 2553 นี้

สนใจสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ :
• ที่ทำการปกครองจังหวัดบุรีรัมย์ โทร. 0 4461 1267
• ประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์ โทร. 0 4461 1957
• อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง โทร. 0 4478 2715-6
• การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 4451 4447-8
E-mail : tatsurin@tat.or.th

from : www.thailandexhibition.com

การแข่งขันกีฬาโปโลบนหลังช้าง ครั้งที่ 9



การแข่งขันกีฬาโปโล บนหลังช้าง ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 9
วัน ที่ : 15 - 21 มีนาคม 2553
สถานที่ : ณ อนันตรารีสอร์ท บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย
การแข่งขันอันโด่งดังดังกล่าวนี้ได้รับการจัดอันดับ เป็นหนึ่งในหกงานสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ในปฏิทินท่อง เที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา หลายปี
การ แข่งขันครั้งนี้เดิมทีได้รับการจัด ณ เมืองหัวหินมาอย่างต่อเนื่อง 6 ปีก่อนที่จะย้ายมายังดินแดนที่อยู่อาศัยที่แท้จริง
ของช้างทางภาคเหนือใน ปี 2549 การแข่งขันโปโลบนหลังช้างครั้งแรกนั้นเริ่มต้นปี พ.ศ. 2544
ซึ่ง มีจุดประสงค์ในการจัดเป็นกิจกรรมเพื่อการกุศลที่สามารถนำเงินเข้าสมทบ ให้แก่สถาบัน คชบาลแห่งชาติ
ในจังหวัดลำปางและดูแลช้างไทยเป็นอย่างดี

เพียง แค่เวลา 7 ปี การแข่งขันโปโลบนหลังช้าง ซึ่งเดิมเคยเป็นกิจกรรมขนาดเล็ก ใช้เวลาในการจัดงานเพียง 2 วัน
ด้วยทีมแข่งขัน 6 ทีม กลายเป็นการแข่งขันที่ใช้เวลายาวนานถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาประกอปด้วยการแข่งขันถึง 12 ทีม
มีผู้แข่งขันทั้งหมด 36 ท่าน จาก 15 ประเทศ

การจัดงาน ณ ดินแดนแคว้นเหนือของไทยนั้น จะช่วยทำให้แน่ใจได้ว่านานาชาติจะสามารถหันมาสนใจในภูมิภาคนี้ซึ่งมีความสวย
งามเป็นเอกลักษณ์และหาที่เปรียบไม่ได้แห่งนี้ โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งมีทัศนียภาพของขุนเขาและแม่น้ำที่เชื่อมแผ่นดินสามประเทศ
คือ ไทย พม่าและลาวเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว อนันตรารีสอร์ท ณ ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำให้ความสำคัญเรื่องการดำรงไว้ซึ่งธรรมชาติ
และการ อนุรักษ์ดังจะเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านทางแคมป์ช้าง ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาเพื่อดูแลช้างที่น่าสงสาร ซึ่งแขกทุกท่านที่เข้ามาพัก
ณ รีสอร์ทหรูแห่งนี้จะสามารถเข้าถึงประสบการณ์อันวิเศษสุดนี้ได้ จอห์น โรเบิร์ต นักอนุรักษ์ชื่อดังมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
คือผู้จัดการแคมป์ ช้างของรีสอร์ท นอกจากจะดูช้างทุกเชือกในรีสอร์ทแล้วนั้น เขายังทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันคชบาลแห่งชาติ
จังหวัดลำปางในการร่วม อนุรักษ์ช้างทางภาคเหนือของไทยอีกด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะสนับสนุนกิจกรรมอันสร้างสรรค์นี้
และแน่ นอนว่าผู้สนใจร่วมชมการแข่งขัน สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

จวบ จนปัจจุบันการแข่งขันได้นำเงินสมทบสถาบัน คชบาลฯมาแล้วเป็นจำนวนกว่า 4,900,000 บาท
ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้อยารักษาโรค จ้างคนดูแลช้าง(ควาญช้าง)การฝึกอบรม และเป็นค่าสวัสดิการต่างๆ
สำหรับ ควาญช้างเหล่านั้น เป็นที่ประมาณการไว้ว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีช้างทั้งหมดประมาณ 2,500 เชือก
และช้างป่าทั้งหมดประมาณ 1,500 ตัวซึ่งจะเห็นได้ว่าลดลงจากปี 2493 ซึ่งมีจำนวน 50,000 เชือก และปี 2443
ซึ่งมี 100,000 เชือกอย่างน่าใจหาย

การจัดงานครั้งนี้ นอกจากความสนุกที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันและผู้ชมจะได้รับนั้น ทางอนันตราฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
จะทำให้ประชาชนทั้งระดับประเทศและนานาชาติได้ ตระหนัก ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ช้างไทย
และการแข่งขันดังกล่าวจะ ช่วยฟื้นฟูสถานการณ์ การท่องเที่ยวที่ได้ซบเซาของทางภาคเหนือให้ชาวต่างชาติหันกลับมาสนใจ
เพื่อ นำรายได้เข้าประเทศมากขึ้น

อนันตรา รีสอร์ท ณ ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำตั้งอยู่ในดินแดนอันสวยงามแห่งขุนเขาน้อยใหญ่ในสาม ประเทศ
เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงในการขับรถจากสนามบิน นานาชาติเชียงราย

สอบ ถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0 5371 7433
ฝ่าย ประชาสัมพันธ์กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเครืออนันตรา
โทร 0 2725 6000 ต่อ 6211-2
หรืออีเมลล์ ที่ infogt@anantara.com

from : thai.tourismthailand.org

ว่าวไทยและว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 11




ว่าว ไทยและว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 11 (Coloring the sky)
วันเสาร์ - อาทิตย์ที่ 13 - 14 มีนาคม 2553
ณ ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดงานว่าวไทยและว่าวนานาชาติ ครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2532
และจัดต่อ เนื่องมาในหลายๆพื้นที่ เช่น บริเวณชายทะเลเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี สนามศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ศูนย์กีฬาเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
กองพลทหารราบที่ 16 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ค่ายนเรศวร จังหวัดเพชรบุรี จนถึงปัจจุบัน
และในปี 2553 ททท. ร่วมกับ จังหวัดเพชรบุรี ค่ายนเรศวร ค่ายพระรามหก สมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมถ์
สมาคม นักบินว่าวประเทศไทย กำหนดจัดงานว่าวไทยและว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 11
ระหว่าง วันที่ 13 - 14 มีนาคม 2553 ณ ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
โดย พิจารณาเห็นว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ในการรองรับนักท่องเที่ยว และสามารถจัดกิจกรรมกีฬา
เพื่อการท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดิน ทาง เข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

กิจกรรม
เวลา 10.00 น. -19.00 น. ณ ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

1. การแสดงว่าวไทย 4 ภาค
2 การแสดงว่าวนานาชาติ
3. การแสดงว่าวกลางคืนในระดับนานาชาติ
4. สาธิต นิทรรศการว่าวไทย
5. สาธิตการแข่งขันว่าวจุฬาและปักเป้า
6. การแข่งขันและสาธิตว่าวผาดโผน
7. การแสดงว่าวจุฬาส่ายเร็ว
8. การแสดงว่าวต่อสู้
9. การประกวดว่าวแผง
10. การประดิษฐ์ว่าวสร้างสรรค์
11. การประกวดแผงว่าว
12. คลีนิค และตลาดนัดว่าว
13. กิจกรรมด้านศิลปะสำหรับเด็ก
14. การออกร้านจำหน่ายอาหารและหัตถกรรม

กิจกรรม เสริม
1. การแสดงกระโดดร่ม
2. การแสดงและแข่งขันเครื่องบินเล็กบังคับวิทยุ
3. ท่องเที่ยวพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
4. แรลลี่รถยนต์ ประหยัดพลังงาน



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
กองสร้างสรรค์กิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 0 2250 5500 ต่อ 3477
ททท. สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0 3247 1005-6
TAT Call Center 1672 หรือ www.tourismthailand.org

from : thai.tourismthailand.org

มหกรรม ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย และไหว้ครูมวย



มหกรรมศิลปะการ ต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย และไหว้ครูมวยไทยโลก ครั้งที่ 6
วันที่ 10-17 มีนาคม 2553
ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ชาติไทยเป็นชาติเก่าแก่ที่มี ประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีการสร้างสรรค์สะสมภูมิปัญญา
ศิลปะวัฒนธรรมที่ มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองสืบเนื่องกันยาวนาน ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย
มวยไทยและกระบี่กระบองนั้น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมไทยมาช้านานคู่กับประวัติศาสตร์ไทยซึ่ง
เป็นวิถี ชีวิตของคนไทยดังจะเห็นได้จากวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
จากการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า ครั้งที่ 1 และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
จากการเสีย กรุง ศรีอยุธยาให้แก่พม่า ครั้งที่ 2 ก็ล้วนแต่ใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทยในการกอบกู้เอกราช
ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาและ อนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย ให้คงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไปและเผยแพร่ไปสู่นานาชาติ
สมาคมสถาบันศิลปะ การต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย จึงได้จัด มหกรรมศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทยสู่นานาชาติขึ้น
โดยกำหนดเอาวัน ที่ 17 มีนาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่นายขนมต้ม นักมวยจากกรุงศรีอยุธยา ชกมวยเอาชนะนักมวยพม่าถึง 10 คน
ในวันที่ 17 มีนาคม 2317 ที่กรุงย่างกุ้ง เป็นวันจัดกิจกรรมทุกปี ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 6
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-17 มีนาคม 2553 ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

กิจกรรม

* การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับมวยไทย เชิญค่ายมวยไทยที่มีชื่อเสียงและอดีตนักมวยไทยในอดีตร่วมแสดงผลงาน
* ออกร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬามวยไทยและจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับมวยไทย
* การอบรมสัมมนามวยไทยและผู้ประกอบการธุรกิจมวยไทย โปรโมเตอร์ แลกเปลี่ยนนักมวยและร่วมการส่งเสริมมวยไทย
* การจัดการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่น/อาชีพ การแข่งขันศิลปะแม่ไม้มวยไทย การจัดการแข่งขันคีตมวยไทย
* การจัดการแข่งขันกระบี่กระบอง
* การจัดเดินวิ่งวันมวยไทย
* การประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ที่ทำคุณประโยชน์แก่มวยไทย
* การจัดประกวดดนตรี ปี่กลองมวยไทย
* การจัดพิธีครอบครูมวยไทย และจัดพิธีบวงสรงนายขนมต้ม
นอกจากนี้ยังมีการจัดทำของที่ระลึก อาทิ เหรียญนายขนมต้ม เสื้อที่ระลึก พวงกุญแจที่ระลึก นวมขนาดเล็กที่ระลึก
หมวกที่ระลึก แก้วกาแฟ ชุดโบราณมวยไทย กางเกงมวยไทย

สอบถามรายละเอียดการจัดงานได้ที่
กองส่งเสริม กิจกรรม ฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
โทร. 0 2250 5500 ต่อ 3492

www.ideabar.com/muaythai
www.thaimartiarts.org
e-mail : worldmuayboran@yahoo.co.th
www.krumuaythai.net
e-mail : gmaster_woody@hotmail.com

from : thai.tourismthailand.org

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โครงการ “รักพ่อ 365 วัน”


ขอแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมแสดงความจงรักภักดี
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภายใต้โครงการ “รักพ่อ 365 วัน” โดยการร่วมทำความดี
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญ
พระชนมายุครบ 83 พรรษาในปีนี้ และร่วมเขียนคำถวายพระพรและจุดเทียนออนไลน์
ผ่านทางเว็บไซต์ พร้อมรับชมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่หายาก
ทางเว็บไซต์ www.lovetheking365days.com เพื่อเป็นการร่วมรำลึกในพระราชกรณียกิจของพระองค์
ในฐานะที่ทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก” อันเป็นแบบอย่างที่ดี
ของประชาชนชาวไทยทุกคน

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

“มหกรรมอาหารทะเลพื้นบ้านเมืองตราด” ครั้งที่ 8


องค์การบริหารส่วนตำบลหนองคันทรง ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จัดงาน “มหกรรมอาหารทะเลพื้นบ้านเมืองตราด” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มี.ค. 2553
บริเวณ กระโจมไฟเกาะปู บ้านแหลมหิน ต.หนองคันทรง อ.เมือง จังหวัดตราด เพื่อเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดตราด
ด้านอาหารทะเลพื้นบ้าน ให้เป็นที่รู้จักแก่เยาวชนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวทั่วไป เป็นการประชาสัมพันธ์กระโจมไฟเกาะปู
สถานที่พักผ่อนริมทะเลใกล้ตัวเมือง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตราด และมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยว
รวมไปถึงการสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน หนองคันทรง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดตราดต่อไป

สำหรับ การจัดงานดังกล่าวประกอบด้วย กิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การจำหน่ายอาหารทะเลปรุงสำเร็จสดๆ
จากชาวประมงโดยกลุ่มแม่ครัวพื้นบ้านหนองคันทรง ในบรรยากาศริมทะเลป่าชายเลน, มีการออกร้านจำหน่ายอาหารทะเลสด,
ผลไม้ประจำฤดูกาล, การจำหน่ายสินค้าจากชุมชน, การแสดงพื้นบ้าน, การแสดงวงดนตรีต่างๆ บนเวทีกลาง
โดยในภาคกลางวันของการจัดงานนั้นหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลหนองคันทรง
จัดให้มีกิจกรรมนำนักท่องเที่ยวนั่งเรือชมป่าชายเลนท่าระแนะ ที่มีความอุดมสมบูรณ์และวิถีชีวิตชุมชน
ร่วมจัดโดยกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีพื้นบ้าน บ้านเกาะปู ในอัตราค่าบริการพิเศษ เพียงท่านละ 50 บาทเท่านั้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : องค์การบริหารส่วนตำบลหนองคันทรง
โทรศัพท์ (039) 542-443 ททท.สำนักงานตราด
โทรศัพท์ (039) 597-259-60
E-mail : tattrat@tat.or.th

from : http://thai.tourismthailand.org